สังคมดูจะถอดใจกับปัญหาการศึกษาของไทยว่าแก้ยาก ใครจะมาจัดการเรื่องนี้แล้วจะจัดการอย่างไร หากมองภาพรวมแล้วการศึกษาคือปัญหาที่ใหญ่มากและปัญหานี้คงไม่มีใครแก้ได้ และเมื่อดูจากตัวชี้วัดและมาตรฐานการวัดผลต่างๆ นับวันวิกฤติการศึกษายิ่งรุนแรงมากขึ้น
การหวังพึ่งภาครัฐจึงไม่ใช่ทางออก หลายสถาบัน หลายองค์กร รวมทั้งภาคเอกชน ต่างเดินหน้าขับเคลื่อนในจุดที่ตัวเองพร้อม โดยหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งในหลายๆฟันเฟืองที่เข้ามาพัฒนารูปแบบวิธีการเรียนการสอน และหวังว่าจะเป็นทางเลือกที่ใช่ เพื่อยกระดับการเรียนรู้ของเด็กไทยให้มีทั้งทักษะชีวิตและวิชาการ
พัฒนาการของโลกยุคเทคโนโลยีเปิดโอกาสให้กระบวนการเรียนรู้ง่ายขึ้น แต่การมี “ฮาร์ดแวร์” ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป หาก “ซอฟต์แวร์” โดยเฉพาะครู ซึ่งมีหน้าที่หลักที่ทำให้กระบวนการเรียนรู้สมบูรณ์และบรรลุเป้าหมาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครูได้เรียนรู้กระบวนการเรียนการสอนไปพร้อมๆกับเด็กที่ได้เรียนรู้กระบวนการเรียนรู้และการฝึกทักษะ
ด้วยบทบาทในโลกเทคโนโลยี่ภาคเอกชนอย่าง “ซัมซุง” ได้นำเครื่องมือและกระบวนการมาขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การปรับวิธีการเรียนรู้ทั้งของครูและเด็กภายใต้โครงการ “ซัมซุง สมาร์ทเลิร์นนิ่ง เซนเตอร์” (Samsung Smart Learning Center) ห้องเรียนต้นแบบแห่งอนาคต ที่เน้นให้เด็กเรียนรู้บนพื้นฐานของความสนใจ โดย 3 ปีที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกำลังนำไปสู่ห้องเรียนต้นแบบเพื่อสร้างให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอย่างแท้จริง